หลังจากที่มีมติจากทางรัฐมนตรีต่างๆมีการประชุมปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับเรื่องของแผนการฟื้นฟูบริษัทการบินไทยว่าในที่สุดแล้วจะมีแนวทางการดูแลแบบไหนซึ่งสรุปแล้วก็คือทางรัฐบาลจะไม่เข้ามาดูแลและป้องฟื้นฟูการบินไทยอีกต่อไปซึ่งประเทศการบินไทยนั้นถูกฟ้องล้มละลาย

เพื่อที่จะได้มีการทำเรื่องพิทักษ์ทรัพย์สินหลังจากนั้นทางการบินไทยเองจะได้มีการเติบโตขึ้นมาด้วยตนเองอย่างสวยงามอีกครั้งหนึ่งซึ่งก่อนหน้านี้เรามักจะเห็นว่าไม่ว่าการบินไทยจะมีปัญหาอะไรเงินจากในคลังของประเทศก็จะถูกนำไปคอยช่วยเหลือและโอบอุ้มการบินไทยอยู่เสมอทำให้เรา

มักจะเห็นว่า ประเทศไทยต้องหมดเงินไปเท่าไหร่แล้วกับการที่ทางรัฐบาลต้องนำงบประมาณมาช่วยเหลือบริษัทการบินไทยในการจ่ายหนี้สินในแต่ละปีซึ่งนี่แต่ละอย่างที่การบินไทยมีนั้นส่วนใหญ่นั้นก็มาจากการที่มีการบริหารงานผิดพลาดและมีการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องของการเช่าเหมาลำเครื่องบินมาแล้ว

ใช้งานได้ไม่นานเครื่องบินก็ต้องมาเสียส่งซ่อมซึ่งครั้งแล้วครั้งเล่าที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแต่การบินไทยเองก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเลยในแต่ละปีเราจะเห็นได้ว่าหากดูสถิติย้อนหลังไปแล้วตั้งแต่ปี 2543 นั้นทางกระทรวงการคลังได้มีโอกาสเข้าไปถือหุ้นเป็นหุ้นส่วนของการบินไทย

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการนำเงินเข้าไปถมให้กับการบินไทยโดยตลอดซึ่งในแต่ละปีนั้นมีการดำเนินเข้าไปช่วยเหลือการบินไทยไม่น้อยกว่า 7 -8 พันล้านบาทเลยทีเดียว แต่ไม่ว่ากระทรวงการคลังการช่วยเหลือในการทุ่มงบประมาณเข้าไปช่วยเหลือมากเท่าไหร่ผลประกอบการของการบินไทยนั้น

ก็ไม่เคยจะดีขึ้นมีแต่จะขาดทุนลงเรื่อยๆยิ่งโดยเฉพาะในช่วงประมาณ 5 ปีหลังที่ผ่านมานี้มีการขาดทุนในทุกๆปีซึ่งไม่ใช่เป็นการขาดทุนกำไรเป็นการขาดทุนสุทธิเลยทีเดียว หลังจากนี้เมื่อทางรัฐบาลได้มีการประกาศไม่อบอุ่นกับบริษัทการบินไทยอีกต่อไปแล้วก็ต้องมาดูว่าทางผู้บริหารคนใหม่ของการบินไทยนั้น

จะสามารถกลับมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานและสามารถโอบอุ้มบริษัทการบินไทย รวมถึงจะสามารถฟื้นฟูปัญหาเศรษฐกิจของการบินไทยได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหารคนใหม่นั้นจะมีความสามารถมากน้อยแค่ไหน แผนการฟื้นฟูการบินไทยใหม่นี้จะต้องมีการลดเงินทุนให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นน้อยลงเพื่อที่จะได้นำเงินมาปลดหนี้ให้ได้นั่นเอง

ขอบคุณ  ทางเข้าsagame  ที่ให้การสนับสนุน