คลังเก็บป้ายกำกับ: เศรษฐกิจ

โครงการเราไม่ทิ้งกันเริ่มกันเริ่มโอนเงินให้กับประชาชนแล้ว

โครงการเราไม่ทิ้งกันเริ่มกันเริ่มโอนเงินให้กับประชาชนแล้ว พร้อมทั้งให้เช็คสถานะได้

          จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทางรัฐบาลจึงได้มีการออก มาตรการในการช่วยเหลือประชาชนด้วยการออกโครงการเราไม่ทิ้งกันเพื่อทำการแจกเงินช่วยเหลือประชาชนเป็นระยะเวลา 6 เดือนเดือนละ 5,000 บาท

ซึ่งโครงการนี้มีการลงทะเบียนกันมาแล้วตั้งแต่วันที่ 27 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 และวันที่ 8 เมษายนปีพศ 2563 เป็นวันแรกที่ประชาชนที่มีการไปลงทะเบียนไว้จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาในครั้งนี้โดยจำนวนผู้ลงทะเบียนมีเป็นจำนวนมากเกือบ 23 ล้านคนดังนั้นขั้นตอนการจ่ายเงินจึงต้องมีการทยอยการจ่ายเงินให้กับประชาชนซึ่งในขณะนี้หากใครที่ยังไม่ได้รับเงินแล้วอยากรู้ว่าสถานะของตนเองนั้น

ตอนนี้อยู่ถึงไหนแล้วได้รับเงินหรือไม่หรือถูกการปฏิเสธหรือไม่สามารถเช็คสถานะได้ที่เว็บไซต์ของโครงการเราไม่ทิ้งกันโดยประชาชนสามารถเข้าไปที่ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนของโครงการเราไม่ทิ้งกันหลังจากนั้นหน้าจอจะมีการขึ้นแสดงเมนูให้ใส่โดยให้ระบุเลขที่บัตรประชาชนของตนเองจำนวน 13 หลักรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์มือถือและวันเดือนปีเกิดของผู้ลงทะเบียนหลังจากนั้นเมื่อกดตรวจสอบสถานะก็จะมีข้อมูลขึ้นว่าสถานะในการจ่ายเงินออกไปแล้วหรือสถานะอยู่ระหว่างการตรวจสอบหรือแม้แต่สถานะถูกปฏิเสธการจ่ายเงินซึ่งจะทำให้เรารู้สถานะของตนเองได้ว่าในขณะนี้เราอยู่ในขั้นตอนไหน

       สำหรับโครงการนี้ทางเจ้าหน้าที่โครงการจะต้องมีการตรวจสอบว่าประชาชนที่มาลงทะเบียนนั้นสามารถที่จะเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่เพราะว่าจะต้องมีการตรวจสอบว่าประชาชนคนที่มาลงทะเบียนนั้นได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสจริงหรือเปล่าซึ่งโครงการนี้เน้นช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆดังนั้นหากใครที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนแล้วมาลงทะเบียนก็จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายโดยมีการประกาศออกมาให้ประชาชนทราบโดยทั่วกันแล้วว่าหากใครไม่เข้าข่ายก็สามารถเข้าไปยกเลิกการลงทะเบียนได้ 

   สำหรับเงินเยียวยาโครงการเราไม่ทิ้งกันนี้  จะมีการทยอยให้ประชาชนอย่างต่อเนื่องทุกวันจนกว่าจะหมดจำนวนของประชาชนที่เข้ามาลงทะเบียนแต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานานหลายวันกว่าจะได้รับเงินเยียวยากันหมดเนื่องจากว่าจะต้องมีการคัดกรองประชาชนที่มาลงทะเบียนด้วยว่าเข้าข่ายที่จะสามารถรับเงินได้หรือไม่ซึ่งหากใครได้รับเงินเยียวยาก็จะมีการส่ง SMS แจ้งตามหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้รวมถึงมีการโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ประชาชนมีการกรอกข้อมูลเอาไว้

  ซึ่งในจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนเอาไว้มีหลายคนที่มีการเข้ามายกเลิกการลงทะเบียนเพราะว่าไม่เข้าข่ายอย่างเช่นนักศึกษา   กลุ่มแรงงานก่อสร้าง  เป็นต้น โดยทางรัฐบาลออกมายืนยันว่าโครงการนี้จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อจะนำเงินดังกล่าวไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆเท่านั้นซึ่งมีระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างแม่นยำ 

เศรษฐกิจเยอรมนีมีปัญหาส่งผลให้รัฐมนตรีการคลังฆ่าตัวตาย หลังโควิด-19 

  พิษเศรษฐกิจโควิด-19  ทำรัฐมนตรีการคลังของประเทศเยอรมนี   โทมัส แชเฟอร์ ชายวัย 54 ปีซึ่งเขาคือส่วนรวมทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเกิดความเครียดจนถึงขนาดต้องฆ่าตัวตายโดยหลายฝ่ายได้ออกมาบอกว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้สร้างความทุกข์ให้กับคนต่างประเทศของเยอรมนีเป็นอย่างมาก

เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเยอรมนีอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายลง และนาย โทมัส แชเฟอร์ คือหนึ่งในบุคคลที่ดูแลและช่วยรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสภาวะเศรษฐกิจมาโดยตลอดแต่ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้นาย โทมัส แชเฟอร์ มีความเครียดและเป็นกังวลใจอย่างมากก็ไม่รู้ว่าจะหาวิธีไหนมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนีให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้

ซึ่งผลกระทบในครั้งนี้ประเทศเยอรมนีกำลังได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่งไม่มีงาน    สำหรับนาย โทมัส แชเฟอร์ ได้ทำหน้าที่ดูแลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเงินของประเทศเยอรมนีมานานมากกว่า 10 ปีขึ้นไปซึ่งเขาเป็นบุคคลที่ทุ่มเทต่อการทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประเทศได้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ในหลายๆครั้งที่ผ่านมาและเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันตลอดทั้งวัน

และคืนที่เขานั่งพยายามคิดหาถึงวิธีการแก้ไขปัญหาสถานะเศรษฐกิจของประเทศเยอรมนีที่กำลังย่ำแย่ลงทุกวันหลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Corona   

ซึ่งผู้ร่วมงานของเขาได้ออกมากล่าวถึงเขากันว่าสาเหตุที่เขาฆ่าตัวตายในครั้งนี้น่าจะเกิดจากที่เขารู้สึกวิตกกังวลกับเศรษฐกิจของประเทศมากเกินไปและเขาอาจจะหาทางออกยังไม่ได้ว่าจะช่วยเหลือประเทศของเราได้อย่างไรกับปัญหาที่กำลังเจอกันอยู่ในขณะนี้ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะปลิดชีวิตตัวเองลงแทนการที่จะสู้ต่อ  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากคนทั้งประเทศจะเสียใจที่เขาฆ่าตัวตายแล้วบุคคลที่เสียใจมากที่สุดนั่นก็คือภรรยาและลูกพี่เขาทิ้งทั้งสองคนไว้เบื้องหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่นาย โทมัส แชเฟอร์ การฆ่าตัวตายในครั้งนี้ว่ากันว่ามีคนพบศพของเขานอนตายอยู่ใกล้กับรางรถไฟ เลยข้อมูลระบุว่าเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาและเมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปสำรวจพื้นที่เกิดเหตุก็สรุปได้ว่านาย  โทมัส แชเฟอร์ ได้ฆ่าตัวตายเองไม่ได้ถูกทำร้ายแต่อย่างใด

คนบางคนหากไม่ปล่อยวางก็จะทำให้ชีวิตมีแต่ความเครียดและเมื่อไม่หาทางออกได้สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำก็คือการฆ่าตัวตายถึงแม้มนตรีการคลังนี้จะมีทั้งเงินและอำนาจแต่ด้วยความที่เขารักประเทศชาติของเขามากและเขาไม่อยากให้ประเทศชาติเขาล้มสลายภายใต้การดูแลของเขา เขาจึงได้พยายามอย่างหนักที่จะผยุงอย่างหนักที่จะรักษาสถานะเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้

 

ขอบคุณเว็บ  BK8  ที่ให้การสนับสนุน

ปรับแผนธุรกิจช่วงไข้โควิดระบาด

สถานการณ์ปัจจุบันของไข้โควิด19 นั้นยังคงมีทีท่าว่าจะไม่หยุดระบาดง่ายๆ เพราะตอนนี้ทั่วโลกทุกประเทศต่างเจอไข้นี้กันหมด และส่งผลไปยังการทำงานและเศรษฐกิจของแต่ละประเทศโดยตรง พ่อค้าแม่ค้า เริ่มแบกภาระต้นทุนที่มีแต่ค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีรายได้ในแต่ละวันเลยเริ่มไม่ไหว

เพราะจากวันแรกที่เริ่มรู้ข่าวเรื่องโควิด 19 จนวันนี้ วันเวลาล่วงเลยเกือบสองเดือน รัฐบาลไทยยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เลย จึงทำให้คนไทยคงต้องร้องเพลงรอ แล้วพึ่งตัวเองกันไปก่อน ซึ่งแนวโน้มคงต้องเป็นเช่นนั้นจริงๆ วันนี้เราจึงอยากแนะนำสำหรับคนที่ประกอบอาชีพ เป็นเจ้าของธุรกิจเอง เพื่อที่จะได้หายใจกันต่ออีกเฮือกและรอฟ้าดินเมตตา แต่ตอนนี้ต้องช่วยตัวเองกันก่อน

อันดับแรก เอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน เข้ามาช่วยในการทำธุรกิจ ใครก็ตามที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า ขายของ หรือเจ้าของร้านอาหารต่างๆ นั้น ในสถานการณ์ตอนนี้ คนเริ่มไม่กล้าออกจากบ้าน และไม่ไปกินข้าวนอกบ้าน เราก็ควรจะต้องโปรโมทร้านตัวเองผ่านสื่อโซเชียลต่าง และมีการจัดส่งสินค้า

หรืออาหารให้กับคู่ค้าหรือลูกค้า ผ่านทางขนส่งไปรษณีย์ หรือ ไลน์แมน หรือ Grab แทน ก็น่าจะพอขายของผ่านทางสื่อออนไลน์นี้ได้บ้าง ดีกว่านั่งตบยุง แบกภาระค่าพนักงาน เด็กเสริฟ์ ค่าไฟ ค่าเช่าที่ ในแต่ละวันไปฟรีๆ โดยไม่มีลูกค้ามาเดิน หรือซื้อของเลย

อันดับสอง เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย หากใครที่ทำธุรกิจที่ต้องติดต่อกับต่างชาติ เช่นสินค้าส่งออก ที่เคยมุ่งเน้นลูกค้าต่างชาติ หรือธุรกิจที่พัก โรงแรมที่เคยติดต่อและสำรองห้องไว้กับคนต่างชาติ ลองเปลี่ยนกลุ่มมาเป็นคนไทยดู อย่างสินค้าส่งออกที่เคยขายต่างประเทศ ก็ลองมาจับขายในเมืองไทย

เพราะยังไงตอนนี้คุณคงส่งออกไม่ได้อยู่แล้ว เพราะแต่ละประเทศก็ระวังตัวกันพอสมควร หรือ นักท่องเที่ยวก็มาเที่ยวเมืองไทยไม่ได้แล้ว ก็ปรับกลุ่มมาเป็นคนไทย ทำที่พักสำหรับนักเรียนนักศึกษา หรือกลุ่มพวกดูงานในแต่ละจังหวัดเลย ดีกว่าปล่อยให้สินค้าค้างสต๊อก หรือห้องพักว่าง

ซึ่งที่แนะนำกันมาทั้งหมดนี้สุดท้าย ทุกธุรกิจก็ต้องร่วมมือกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย และจับมือสู้ไปด้วยกัน อย่างไรก็ต้องผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปให้ได้ ใครที่สายป่านยาวก็ถือว่าโชคดี แต่ที่ใครมีทุนกำลังทรัพย์น้อย ก็ขอให้ประคองตัวเองให้ดี ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก และค่อยๆ ประคอง หันมาเจรจากับคู่ค้า ด้วยถ้อยทีถ้อยอาศัย ยึดหลักไว้ว่าทุกคนลำบากเหมือนกันหมด คุยกับเจ้าหนี้ให้เห็นใจ บางอย่างอาจต้องยอมปล่อย แต่ยังไงซะวันหนึ่งเมื่อทุกอย่างดีขึ้น เราก็เอากลับมาใหม่ได้

ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์

ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ หลังจากเกิดภาวะโควิด 19

หลังจากไข้โควิด19 เข้ามาระบาดในประเทศไทยนั้น หลายๆ คนเริ่มเกิดภาวะความตื่นตระหนกตกใจ และอีกหลายๆ คนยังคงเพิกเฉยกับการป้องกันตัวเอง แต่ล่าสุดจากการที่ได้มีข่าวดาราดัง อย่างเจ้าของค่ายมวยและแฟนสาวชื่อดัง อย่างแมทธิว ดีน สามีของลิเดีย นักร้อง นั้น โดยเจ้าตัวออกมาประกาศและยอมรับว่าติดไข้โควิด19 สร้างความตกใจให้กับคนทั่วประเทศเพราะไข้นี้เริ่มระบาดออกไปอย่างวงกว้าง

และติดไปสู่คนดังในวงกว้าง ซึ่งก่อนที่ ตัวดาราคนนี้จะออกมาประกาศว่าตัวเองเป็นไข้นั้น เจ้าตัวได้ไปถ่ายเทปในรายการ เสือ สิงห์ กระทิง แรด ซึ่งก็มีทั้งพิธีกรและดาราอีกมากมายในวันนั้นไปร่วมถ่ายทำและรอคิวถ่ายในเทปต่อๆ ไปด้วย ซึ่งหลังจากที่ข่าวออกมานั้น ดาราหลายๆ ท่านที่ไปถ่ายเทปในวันนั้น ต่างออกมาแสดงความเสียใจและเป็นห่วงในตัวดาราหนุ่มอย่างมาก และทุกๆ คน

ก็พร้อมใจกันไปหาหมอ เพื่อเช็คตัวเองและพร้อมที่จะกักตัวเองเป็นเวลาสิบสี่วัน เพื่อรับผิดชอบต่อสังคม แต่กระแสดราม่าก็เกิดขึ้น เมื่อพิธีกรท่านหนึ่งในรายการนั้น เกิดดราม่า อัดคลิปตัวเองแล้วร้องไห้ ตีโพยตีพาย ด้วยถ้อยคำต่างๆ นาๆ ว่ากลัวจะติดไข้จากผู้ชายคนนี้ แล้วตัวเค้าเองก็นั่งใกล้กับผู้ชายคนนี้ด้วย เค้าจะอยู่อย่างไรถ้าต้องติดไข้ และลูกเค้าจะอยู่อย่างไร 

เมื่อคลิปนี้ได้ถูกปล่อยออกไปนั้น เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่อตัวพิธีกรท่านนี้ว่า ทำเกินไปกับเหตุการณ์นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้คำที่รุนแรง เช่น “นั่งใกล้ผู้ชาย คนนี้แล้วจะต้องติดไข้” ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั้น ทางกองถ่ายรายการก็ออกมายืนยันว่าพิธีกรคนนี้ไม่ได้นั่งเก้าอี้โซฟา เดียวกันด้วยซ้ำ

และเป็นเก้าอี้แยก และที่มากไปกว่านั้น ก็มีดาราอีกท่านที่นั่งคั่นระหว่างกลางของพิธีกรท่านนี้ กับดาราคนดังที่ติดไข้ รวมถึงกับการที่บอกว่าเป็นห่วงลูกตัวเอง ซึ่งกระแสสังคมก็บอกว่า ดาราท่านนั้นเองก็มีลูกตั้งสองคน เค้าก็ต้องห่วงลูกเค้าเหมือนกัน ไม่ใช่มาอัดคลิปแสดงความดราม่า และต่อว่าดาราท่านนั้น

เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นหรอก และการที่ออกมาประกาศนั้นเป็นการดีต่อเพื่อนมนุษย์ ที่อยากให้รีบไปรักษาเพื่อจะได้ตรวจสอบและแก้ไขได้ทันเวลา ซึ่งจากเหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า คนเราเริ่มมีความเห็นแก่ตัวขึ้นเรื่อยๆ หากไข้โควิด19 นี้ยังคงระบาดต่อไป เราอาจจะได้เห็นพฤติกรรมของคนที่เรียกว่ามนุษย์ ออกมาในเชิงที่รุนแรง หรือเหยียดหยามกันมากขึ้นไม่มากก็น้อย ทางที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ควรช่วยกันป้องกัน และมีสติ นั่นแหละดีที่สุดแล้ว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  9luck