หัวอกลูกจ้างรายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูง สำหรับในวันนี้เราจะพาไปติดตามในส่วนของลูกจ้างกันบ้างบรรดาลูกจ้าง ถ้าไปดูค่าครองชีพที่เขาจะต้องจ่ายไป ในแต่ละวันต้องบอกว่าเราจ่ายแพงขึ้นในขณะที่ทางฝั่งของรายได้มันไม่ค่อยขึ้นตอนนี้ก็เลยเจอกับปัญหารายรับมันไม่พอกับรายจ่าย 

ซึ่งในปัจจุบันมันไม่เท่าไหร่แต่ถ้าเรามองไปอีก 3 เดือน 4 เดือน ปัญหาหนี้สินมันจะตามมาตรงนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยนักวิจัยได้ไปวิเคราะห์บอกว่ากลุ่มไหนที่จะเจอผลกระทบหนักที่สุด 

ปรากฏว่าก็คือกลุ่มที่มีรายได้น้อยนั้นเอง ร้อยละ 36 ปรากฏว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมา 20 เปอร์เซ็นต์ และรายได้ขึ้นเท่าไหร่อาจจะไม่ขึ้นเลยคำว่ารายได้ต่ำของศูนย์วิจัยกสิกรไทยก็มีคนที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาท ต่อเดือน

ในส่วนของคนที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงก็คือเกิน 15,000 บาทต่อเดือนไปจนถึง 45,000 บาทขึ้นไปเขาบอกว่าสามารถรับมือกับผลกระทบได้ดีกว่า

ซึ่งตรงนี้ก็น่าเห็นใจคนที่มีรายได้ไม่ถึง 15,000 บาท ก็ได้รับผลกระทบเพราะว่าค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 20 โดยปกติก็แทบจะหมุนเงินกันไม่ทันอยู่แล้วพอเจอสถานการณ์แบบนี้บรรดาผู้บริโภคก็ปรับตัวกันด้วยถามว่าเขาปรับตัวกันอย่างไร 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ไปสำรวจมาร้อยละ 89 ขอซื้อของเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้นสิ่งไหนไม่จำเป็นตัดออกไปให้หมดเลยนอกเหนือจากนี้ โดยเฉพาะช่วงสภาวะแบบนี้ที่เจอกับวิกฤตโควิด 19 ได้ขอรถหรือว่าจะรอการสังสรรค์ไปก่อน 

เพราะว่าเวลาที่เราไปสังสรรค์แต่ละทีค่าใช้จ่ายมันก็เยอะพอสมควรผัดมาร้อยละ 44 ซื้อของทดแทนในราคาที่อาจจะถูกลงมาหน่อยหรือว่าจะเป็นของห้างนั้นที่เขาได้ทำสินค้าออกมาคล้ายๆกันเพียงแต่ว่าอาจจะเป็นยี่ห้อของเขาราคาก็จะถูกลงมา 

แต่ที่สำคัญร้อยละ 22 ได้บอกว่าซื้อครั้งละมากๆจะได้ราคาถูกลงหน่อยตอนนี้ก็มีคนแทนที่จะซื้อของแบรนด์เนมก็ไปซื้อของ House Brand หรือของมือสองมากขึ้นก็เป็นการตลาดที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน

นอกจากนี้จะได้มีการคาดหวังถึงผู้บริโภคมอกว่าสถานการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นแบบนี้จะใช้ระยะเวลานานแค่ไหนถึงจะคลี่คลาย ร้อยละ 52 ส่วนใหญ่เลย บอกว่ามากกว่า 1 ปี 

ส่วนร้อยละ  27 บอกว่าใช้ระยะเวลา 7 ถึง 12 เดือน ร้อยละ 21 บอกว่าน่าจะใช้ระยะสั้น อยู่ที่ 3 ถึง 6 เดือน ดังนั้นก็ต้องมีการถามต่อว่ามันจะต้องมีความคาดหวังว่าอยากจะให้ทางภาครัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือในส่วนไหนอย่างไร 

โดยเขาบอกว่าหลักๆแล้วหากเป็นไปได้ให้ทางภาครัฐบาลเข้ามาควบคุมราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าที่มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันพวกอาหารสดหรืออะไรต่างๆรวมไปถึงพลังงานอยากให้ควบคุมเอาไว้ก่อนเพราะว่ามันมีผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยจริงๆ

สนับสนุนโดย  alpha88

       ทักษิณชินวัตรขึ้นแท่นมหาเศรษฐีไทย  เชื่อว่าในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่าหรือคนรุ่นใหม่ย่อมต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยนายทักษิณชินวัตรกันอย่างแน่นอน

เพราะถึงแม้ว่าปัจจุบันนายทักษิณชินวัตรจะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้วแต่ชื่อเสียงของนายทักษิณยังคงมีอยู่และธุรกิจของนายทักษิณชินวัตรนั้นในประเทศไทยยังมีอยู่โดยอยู่ภายใต้การดูแลของภรรยาของนายทักษิณและบรรดาลูกของนายทักษิณอีกหลายคนซึ่งสมัยที่ทักษิณชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยนั้นก็มีการจัดอันดับว่าทักษิณชินวัตรนั้นมีทรัพย์สินมากมายเรียกว่าติดขั้นมหาเศรษฐีของไทยเลยก็ว่าได้

       อย่างไรก็ตามเมื่อไม่นานมานี้เองต่างประเทศได้มีการจัดอันดับมหาเศรษฐีทั่วโลกขึ้นโดยเป็นการจัดอันดับของปี 2022 ซึ่งถือว่าการจัดอันดับมหาเศรษฐีนี้เป็นการจัดครั้งที่ 36 แล้ว และนายทักษิณอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยนั้นก็ยังอยู่ในอันดับที่มีรายชื่อขึ้นแท่นว่าเป็นมหาเศรษฐีที่รวยติดอันดับโลกอีกด้วยสำหรับการจัดอันดับมหาเศรษฐีอันดับโลกนี้อยู่ภายใต้การดูแลของ forbes 

         สำหรับในปีพ.ศ. 2565 นี้  forbes  ได้มีการสำรวจแล้วว่าจำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกนั้นมีปริมาณลดลงจากปีก่อนก่อนที่ผ่านมาซึ่งในปีนี้มีเพียงแค่ประมาณ 87 คนเท่านั้นเอง

โดยส่วนใหญ่แล้วน่าจะมาจากผลกระทบทางธุรกิจของเหล่าบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายที่เพิ่งเจอกับสภาวะการระบาดของไวรัสโควิด ทำให้เจ้าของธุรกิจทั่วโลกนั้นได้รับผลกระทบธุรกิจเจ๊งและบางธุรกิจนั้นต้องปิดกิจการลง 

     นอกจากนี้เมื่อไม่นานมานี้ยังมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศใหญ่ 2 ประเทศอย่างประเทศรัสเซียและยูเครน รวมถึงการที่ประเทศจีนนั้นออกนโยบายอย่างหนักเกี่ยวกับเรื่องของการปราบปรามบริษัท  Big Tech แน่นอนว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้นั่นเองที่ส่งผลทำให้ทรัพย์สินของบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายนั้นไม่มีปริมาณเท่าเดิมหรือไม่มีมากขึ้นกว่าเดิมแต่กลับมีปริมาณที่ลดลงนั่นเองซึ่งการจัดอันดับจากทาง forbes เกี่ยวกับความร่ำรวยของมหาเศรษฐีจากทั่วโลกนั้นจะมีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว

         โดยในปีนี้เองทาง forbes ก็ได้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของมหาเศรษฐีจากทั่วโลกมากกว่า 1 พันคนด้วยกันโดยยึดจากรายชื่อข้อมูลของมหาเศรษฐีในปีที่ผ่านมามาใช้ในการประกอบพิจารณาว่ามีมหาเศรษฐีคนไหนมีการร่ำรวยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหรือรายได้ของมหาเศรษฐีคนไหนลดลงรวมถึงมหาเศรษฐีบางคนนั้นไม่ได้รวยขึ้นหรือไม่ได้แย่ลงแต่ความรวยยังคงที่และหนึ่งในนั้นก็คืออดีตนายกรัฐมนตรีของไทยนายทักษิณชินวัตรนั่นเอง 

        สำหรับในปัจจุบันนี้ในทักษิณไม่ได้มีธุรกิจภายในประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังมีการประกอบธุรกิจอีกหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นประเทศอังกฤษรวมถึงประเทศดูไบซึ่งโดยปกติแล้วในทักษิณชินวัตรจะเดินทางไปหลายประเทศทั่วโลกเพื่อไปทำธุรกิจดังนั้นทรัพย์สินของนายทักษิณจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

สนับสนุนโดย  alpha88

การนิยมหันมาติดต่อแผง โซลาร์รูฟท็อป เนื่องจากว่าภูมิประเทศและภูมิอากาศในบ้านเรามีความเหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับการที่จะทำโซล่าเซลล์ หรือว่าการที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์นั่นเอง 

โดยในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าสภาพอากาศในบ้านเราร้อนแล้วเราก็มีพื้นที่เยอะมากๆและยังไม่นับว่าครัวเรือนสามารถที่จะติดแผงโซล่าเซลล์ในการที่จะรับกระแสของแสงแดดแล้วก็ผลิตเป็นตัวกระแสไฟฟ้าออกมา

             เพียงแต่ว่าในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ได้รับความนิยมจะเป็นระดับบริษัท เช่นโรงงานอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรม เพราะว่าเงินถุงเงินถังสายป่านค่อนข้างที่จะยาวและมีความคุ้มค่าต่อการที่จะลงทุน 

เพราะว่าอาจจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในขณะเดียวกันในระยะยาวๆเขาทำธุรกิจก็ต้องระยะยาวกันอยู่แล้ว 20 ถึง 30 ปีเพราะฉะนั้นในมุมของความคุ้มค่าเขาคุ้ม 

แต่ถ้าเป็นมุมในบริโภคอย่างพวกเราเป็นรายย่อยในช่วงที่ผ่านมามันไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่เพราะว่าแผงนึงราคาประมาณ 300,000 บาท และกว่าที่มันจะคุ้มทุนจริงๆก็ต้องบวกลบคูณหารกันกลับค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายในตอนนี้ต้องใช้เวลา10 ถึง 20 ปี 

แต่ตอนนี้สถานการณ์มันได้เปลี่ยนแปลงไปเพราะว่าเทคโนโลยีได้พัฒนาไปไกลมากขึ้นราคานั้นก็ถูกลง ประกอบอีกเด้งนึงตอนนี้ทางฝั่งขอภาครัฐเองก็มีการประกาศรับซื้อไฟนั่นก็แปลว่าตอนนี้เริ่มที่จะมีความคุ้มมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ใช้เวลา 17 ถึง 30 ปี แต่ตอนนี้ทางกลุ่มของกรุงไทยคอมแพท เขาได้บอกว่าจะเหลือเพียงแค่ 5.3 จนถึง 12 ปีเท่านั้น ถ้าไปดูผลสำรวจกล่าวได้ว่ามีครัวเรือนไทย มากถึง 2.3 ล้านครัวเรือนที่มีโอกาสที่จะไปติดตั้งโซล่าเซลล์แล้วถึงจุดคุ้มทุนจะเร็วมากขึ้นตรงนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญ

ซึ่งรวมไปถึงข้อมูลล่าสุดถ้าหากรวมแล้วมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ประมาณ1.37แสนลบ. แล้วก็มีข้อมูลจากสมาคมผู้ประกอบการและช่างพลังงานแสงอาทิตย์ที่บอกว่าค่าไฟมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปีนี้และอาจจะยาวนานไปจนถึงปีหน้าอาจจะถึงหน่วยละ 5 บาทเลยก็ได้ 

ประชาชนและภาคธุรกิจในตอนนี้ก็เลยหันมาสนใจ  alpha88      คิดที่จะติดแผงโซล่าเซลล์กันมากขึ้นเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่องมีข้อมูลบอกว่าฮิตกันอย่างมากกันตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงขนาดนี้เลย 

ดังนั้นถ้าไปดูสถิติภาคประชาชนมีการติดตั้งโซล่าเซลล์เพิ่มขึ้นร้อยละ 20% ภาคธุรกิจก็ไม่แพ้กันเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 15 เปอร์เซ็นต์แปลว่าเรื่องของสงครามยูเครนกับรัสเซียทำให้ต้นทุนวัตถุดิบการผลิตแผงโซล่าเซลล์ก็ดันเพิ่มสูงขึ้นด้วยประมาณร้อยละ 20 ถึงร้อยละ 30 เปอร์เซ็นต์ 

เพราะว่าจะเป็นอลูมิเนียมเหล็กแล้วก็ทองแดงในการที่จะมาผลิตแผงโซล่าเซลล์ก็เลยทำให้ต้นทุนของแผงโซล่าเซลล์เพิ่มขึ้นด้วยโดยทำให้ประเทศไทยและผู้ประกอบการหลายๆรายก็มีการนำเข้าแผงโซล่าเซลล์จากทางฝั่งของประเทศจีนรักจริงก็ถือว่าเป็นเจ้าแห่งการผลิตอยู่แล้ว