คลังเก็บหมวดหมู่: เศรษฐกิจและธุรกิจ

เปิดตัวธุรกิจใหม่ Siam Premium Outlet

      วันที่ 19 มิถุนายนปีพศ2563 จะมีการเปิดตัวเกี่ยวกับธุรกิจใหม่ซึ่งเป็นสถานที่ขายสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 200 แบรนด์ด้วยกันซึ่งจะมีการเปิดตัวของธุรกิจนี้ในวันแรกก็คือวันที่ 19 เดือนมิถุนายนนี้เอง

โดยการเปิดตัวครั้งแรกนั้นจะมีส่วนลดให้กับลูกค้าที่มาชอบสินค้าแบรนด์เนมมากสูงสุดถึง 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวและยังมีโปรโมชั่นอื่นๆอีกมากมายอาทิเช่นหากใครก็ตามที่ช้อปปิ้งสินค้าครบ 5,000 บาทขึ้นไปก็จะได้รับคูปองส่วนลด 1,000 บาทและภายในงานยังมีของสมนาคุณให้กับลูกค้าที่ไปช้อปปิ้งของกันอย่างมากมายเลยทีเดียวซึ่ง Siam Premium Outlet แห่งนี้เปิดพื้นที่กรุงเทพมหานคร

โดยมีพื้นที่ในการเปิดขายสินค้านั้นอยู่ที่ 150 ไร่ด้วยกันทำให้ที่นี่นั้นมีร้านขายสินค้าแบรนด์เนมแบรนด์ดังระดับโลกมาร่วมเปิดร้านค้าที่นี่มากถึง 200 กว่าร้านค้าเลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่เป็นพวกกระเป๋าแบรนด์เนม  หรือรองเท้าแบรนด์เนม  หรือเสื้อผ้าแบรนด์เนมสินค้าอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสินค้าแบรนด์เนมทั้งหมดจะถูกนำมารวบรวมวางขายไว้ที่นี่ที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ตแห่งนี้และแน่นอนเกี่ยวกับเรื่องของการช้อปปิ้ง

โดยการใช้บัตรเครดิตก็จะมีบัตรเครดิตของหลายธนาคารที่ร่วมโครงการด้วยซึ่งถ้าลูกค้ามีการช้อปปิ้งครบตามจำนวนเงื่อนไขของแต่ละธนาคารก็จะสามารถรับเครดิตเงินคืนได้ซึ่งตอนนี้มีข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 25% เลยทีเดียวสำหรับการเปิดตัวครั้งแรกแล้วได้รับส่วนลดมากขนาดนี้นั้นจะเป็นโครงการตั้งแต่วันที่ 19 เดือนมิถุนายนจนถึงวันที่ 21 เดือนมิถุนายนพ.ศ 2563 สำหรับเจ้าของกิจการที่มีการร่วมลงทุนกันในการเปิด Siam Premium Outlet

ในครั้งนี้นั้นมีการร่วมทุนกันที่เป็นผู้บริหาร Global destinations ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารของไอคอนสยาม  และผู้บริหารของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนรวมถึงผู้บริหารของบริษัทไซม่อนพร็อพเพอร์ตี้กรุ๊ปและยังมีการไปติดต่อกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกอันดับ 1 ของโลก

จากหลายๆประเทศนำสินค้ามานำเข้ามาขายที่ Siam Premium Outlet แห่งนี้แน่นอนว่าสำหรับคนที่ชื่นชอบเกี่ยวกับเรื่องของแบรนด์เนมจึงไม่ควรพลาดที่จะมาช้อปปิ้งที่นี่อย่างแน่นอน สำหรับธุรกิจนี้ถือว่าเป็นธุรกิจแห่งแรกที่มีการนำสินค้าแบรนด์เนมจากหลายประเทศและหลายแบรนด์มารวมตัวกันได้มากขนาดนี้ซึ่งถ้ามองถึงความหรูหราของ Siam Premium Outlet เราก็สามารถเทียบชั้นได้กับ

  ห้างสรรพสินค้าที่มีความหรูหราโด่งดังระดับโลกได้เลยทีเดียวสำหรับที่นี่ได้มีการเตรียมการสร้างมานานกว่า 2 ปีด้วยกันกว่าจะออกมาเป็นผลสำเร็จ และแน่นอนว่านอกจากจะมีสินค้าแบรนด์เนมให้เราไปเลือกซื้อแล้วบรรยากาศก็ยังมีการสร้างเอาไว้อย่างสวยงามมีที่จอดรถไว้สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย

และชาวต่างชาติการเดินทางนั้นสะดวกมากๆดังนั้นเชื่อว่าเมื่อมีการเปิดตัวธุรกิจนี้ขึ้นมาจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นดีขึ้นอย่างแน่นอนและถ้าหากรวมกับการที่จะมีการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศได้เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศนั้นจะดีขึ้นในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน ไม่ผ่านเอเย่นต์

เศรษฐกิจไทยชะลอตัวสินค้าเครื่องนุ่งห่ม

เศรษฐกิจไทยชะลอตัวสินค้าเครื่องนุ่งห่ม เสื้อผ้าสไตล์ไทย ยอดการส่งออกลดลง 10%

          ปัจจุบันการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศนั้นสามารถเริ่มส่งสินค้าได้เกือบเป็นปกติแล้วแต่สินค้าที่ส่งไปต่างประเทศส่วนใหญ่นั้นก็มักจะมีคู่แข่งมากมายและการส่งออกนั้นก็ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัดอย่างเช่นที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาเปิดเผย

ถึงเรื่องราวการส่งออกไม่ว่าจะเป็นส่งออกเกี่ยวกับผลไม้ของไทยหรือส่งออกเกี่ยวกับเรื่องของขนมของไทยรวมถึงส่งออกเกี่ยวกับสินค้าควบคุมสินค้าเครื่องนุ่งห่มรวมถึงเสื้อผ้าสไตล์ไทยๆก็มียอดการขายที่ลดลงซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนเมษายนปีพศ2563

ได้ดำเนินการส่งออกเกี่ยวกับเสื้อผ้าสไตล์ไทยนั้นมียอดการส่งออกลดลงถึง 10% ซึ่งแน่นอนว่านอกจากปัญหาเศรษฐกิจโลกที่กำลังมีอยู่กันในตอนนี้แล้วปัญหาที่ตามมาก็คือจำนวนของผู้ที่ส่งสินค้าพื้นเมืองของตนเองออกไปขายนั้นก็เริ่มมีมากขึ้นประเทศไทยเริ่มมีคู่แข่งในการขายผ้าพื้นเมืองมากขึ้น

ทำให้รายได้ของการส่งออกของประเทศไทยนั้นลดลงอย่างไรก็ตามต่างประเทศไทยเองก็จะต้องมีการหาแนวทางป้องกันในเรื่องของยอดการขายที่ปกให้กลับมาดีขึ้นโดยเน้นในเรื่องของการคิดการขายเสื้อผ้าสไตล์ไทยแนวเศรษฐกิจหมุนเวียนปกติแล้วเกี่ยวกับเรื่องของแฟชั่นเสื้อผ้านั้นก็มักจะมีการหมุนเวียนกลับมาใช้รูปแบบเดิม

หลังจากที่มีการอัพเดทรูปแบบใหม่เข้ามาอย่างที่เราเห็นกันเช่นมีอยู่ช่วงนึงที่ใส่กางเกงขาบานหลังจากนั้นแฟชั่นก็เปลี่ยนไปใช้กางเกงขาเดฟต่อมาก็กลับมาใช้กางเกงขาบานอีกเหมือนเดิม ดังนั้นพูดได้ไลฟ์สไตล์การใส่เสื้อผ้านั้นเป็นธุรกิจหรือเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนนั้นเองอย่างไรก็ตามประเทศไทยควรจะมีการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเองเพื่อนำไปแข่งกับคู่แข่งชาวต่างชาติ

และประเทศอื่นๆด้วยปัจจุบันนี้มีการพัฒนาสินค้ามากกว่า 30 แบบด้วยกันโดยหวังว่าจะนำไปทดสอบขายส่งออกและมีการคาดหวังว่าจะสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการได้ไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินนั้นก็น่าจะมีรายได้เข้าประเทศกลับมาประมาณถึง 50 ล้านบาทเลยทีเดียว

            สำหรับเกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจการส่งออกนั้นในช่วงนี้อาจจะค่อนข้างได้รับผลกระทบกับสินค้าเนื่องจากว่าแต่ละประเทศนั้นต่างก็มีปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศตนเองด้วยกันทั้งนั้นอย่างไรก็ตามสินค้าที่น่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยก็น่าจะเป็นสินค้าที่ส่งออกเกี่ยวกับเรื่องของอาหารเพราะไม่ว่าประเทศไหนนั้นการกักตุนอาหารไว้จะเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าการจัดส่งสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยอย่างเช่นเสื้อผ้าและเครื่องประดับนั่นเอง

         ดังนั้นในช่วงนี้การเตรียมสินค้าสำหรับที่จะเอาไว้ในการส่งออกนั้น ควรจะเน้นที่เป็นสินค้าที่เมื่อก่อนชาวต่างชาติมาเที่ยวที่เมืองไทยแล้วนิยมซื้อกลับประเทศ เพื่อที่สินค้าที่ส่งออกไปน่าจะขายได้สร้างกำไรให้กับผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน แจกเครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก

เศรษฐกิจส่วนบุคคล 

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในแต่ละปี สำหรับปี 2563 นี้ กำลังจะผ่านไปเกือบครึ่งปีแล้ว ที่ผ่านมาตั้งแต่ปลายปี จนถึงตอนนี้ ถือว่าชีวิตแต่ละคน ทุลักทุเลกันพอสมควรเพราะด้วยภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของไข้โควิด19 ที่เปลี่ยนจากปีหนูไฟ ให้เป็นปีหนูระบาดแทน

โดยเริ่มต้นจากประเทศจีน ลามไปยังฝั่งยุโรปและไปรุนแรงหนักมากที่ฝากอเมริกา เพียงแค่ระยะเวลาเดือนกว่าๆ มีคนติดไข้โควิด19 นี้มากกว่าหนึ่งล้านคน และก็กำลังจะวิกฤติต่อโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะไปจบกันลงที่เมื่อไหร่ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้เศรษฐกิจของโลกเกิดความผันผวนและตกต่ำถึงจุดดิ่งสุด และแน่นอนว่ามันกระทบมาถึงเศรษฐกิจของส่วนบุคคล ซึ่งมีผลกระทบรุนแรงมาก

บางคนถึงกับตกงานและไม่มีรายได้ประทังชีวิต ดังนั้นการวางแผนต่อจากนี้คงจะเป็นเรื่องดีกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลย ซึ่งหากแบ่งกันเป็นกลุ่มๆนั้น ก็จะพอมองภาพออก เริ่มต้นที่กลุ่มที่มีรายได้รายวัน ซึ่งกลุ่มนี้คงต้องวางแผนการใช้จ่ายกันให้ดีมากกว่ากลุ่มอื่น และหากจำเป็นต้องนำเงินออกมาใช้ ควรจะต้องเป็นการใช้จ่ายที่มันจำเป็นจริงๆ เพื่อที่จะได้มีเงินพอเพียงสำหรับใช้จ่ายในวันต่อๆไป 

ส่วนกลุ่มต่อมาคือ กลุ่มที่ยังมีรายได้ทุกเดือนจากงานประจำ ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะโชคดีกว่ากลุ่มเมื่อกี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรประมาท เพราะไม่มีใครรู้ว่าวิกฤติการแพร่ระบาดนี้เมื่อไหร่จะจบสิ้นกันเสียที หากกินเวลานานมันก็ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นพวกอุปกรณ์การป้องกันสุขภาพ

พวกหน้ากาก เจลล้ามือทำความสะอาด และมาถึงส่วนกลุ่มสุดท้ายที่ยังมีรายได้สูงและมีกำลังในการลงทุน คนกลุ่มนี้จะโชคดีหามองหาวิกฤติที่เป็นโอกาสได้ เนื่องจากราคาพวกอสังหาริมทรัพย์ จะมีการปรับตัวลดลงเพราะคนไม่มีกำลังที่จะซื้อ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าจะไปซื้อมาเก็บไว้

แต่สิ่งหนึ่งที่อยากฝากเป็นข้อคิดคือ ควรดูให้ดีและลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะเงินทองนั้นหายาก ไม่เหมือนแต่ก่อน บางคนอาจจะมองว่าเวลานี้ เก็บเงินสดไว้กับตัวเป็นดีที่สุด เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นความคิดที่ไม่ผิด แต่อย่างที่บอกหามองเห็นโอกาส

แล้วนำเงินที่มีอยู่มาลงทุนบางทีด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้กับคนทั้งโลก เมื่อผ่านพ้นต้องนี้ไปแล้ว บางทีอาจจะมีเศรษฐีใหม่เกิดขึ้นมาก็ได้ และคนที่เคยเป็นเศรษฐีก็อาจจะไม่ได้เป็นแล้ว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและวิธีการคิดของแต่ละคนว่าคุณจะดำเนินชีวิตในแบบไหน

 

สนับสนุนโดย  บา คา ร่า sagame

ปัญหาเงินเยียวยาของ อสมท .คลื่นวิทยุความถี่ 2600

          เรารู้จักบริษัท อสมท . กันเป็นอย่างดี ว่าเป็นปัญหาในของการวิสาหกิจที่ดูแลภายใต้เงื่อนไขการรวมตัวกับทางรัฐบาลซึ่งหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่านั้นบริษัทต่างๆต่างก็ได้รับผลกระทบซึ่ง  อสมท .  ก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามเมื่อมีบริษัทต่างๆ

ได้รับการเยียวยาจากทางรัฐบาลก็เป็นเรื่องที่ทาง อสมท . ควรจะได้รับการเยียวยาเช่นเดียวกันจะมีการพูดถึงเรื่องเงินเยียวยาที่ทางคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ สมควรที่จะได้รับแต่อย่างไรก็ตามมีข่าวลือหนาหูออกมาจากภายในของบริษัท อสมท . เองว่า ผู้บริหารของบริษัทอสมท . 

ไม่ดูแลบริษัทของตนเองทำให้บริษัทนั้นได้รับเงินเยียวยาไม่เท่ากับบริษัทอื่นๆที่ที่ได้รับเป็นการได้รับเงินเยียวยาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยโดยมองว่าบริษัทอื่นที่เป็นบริษัทเอกชนยังได้รับเงินเยียวยาจากทางรัฐบาลมากกว่าบริษัท อสมท .  ซึ่งมีการบริหารภายใต้การดูแลของรัฐบาลด้วยซ้ำไปอย่างไร

ก็ตามทางกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท อสมท .  จำกัดมหาชนก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าที่จริงแล้วทางบริษัทนั้นก็ได้รับเงินเยียวยาที่ไม่แตกต่างจากบริษัทอื่นเลยหลายคนที่มองว่าบริษัท   อสมท . ควรจะได้รับเงินเยียวยามากกว่าที่ได้รับอยู่ในตอนนี้เพราะบริษัทนั้นได้รับความเสียหายค่อนข้างเยอะจากการที่มีการระบาดของไวรัสโคโรนาและทางบริษัทนั้นไม่สามารถที่จะทำโฆษณาได้จนเป็นสาเหตุ

ให้กลุ่มสหภาพแรงงานของบริษัทอสมท .  ต้องออกมาเรียกร้องแต่อย่างไรก็ตามทางกรรมการผู้จัดการก็ยืนยันว่าเงินเยียวยาที่ทางบริษัทอสมท .  เหมาะสมแล้วที่ได้รับเพราะเมื่อเทียบกับบริษัทเอกชนคู่ค้าอื่นๆของบริษัทอสมท .  ก็ได้รับในปริมาณที่ใกล้เคียงกันไม่ได้แตกต่างกันเลย

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ทางสาธารณชนหรือทางพนักงานเองรับทราบนั้นอาจจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรืออาจจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลต่างๆเหล่านั้นจะมีผลต่อบริษัทเหมือนกับว่าต้องการที่จะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทอสมท .  ดังนั้นทางกรรมการผู้จัดการจึงได้มีการออกมายืนยันว่าบริษัทนั้นอสมท . ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและไม่ได้เสียเปรียบอะไร

จากการได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยา  อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับข่าวคราวของทางบริษัท อสมท. ที่กำลังมีการพูดกันหนาหูอยู่ในตอนนี้นั้นต้องรอการออกมาชี้แจงจากทางผู้บริหารของทาง อสมท. ด้วยตนเอง เพราะจริงๆแล้วทางผู้บริหารเองก็ได้มีการออกมาชี้แจงเป็นข้อๆให้กับสาธารณชนทราบอยู่แล้วว่าทางนั้น

ได้รับการชดเชยจากทาง  กสทช. ไปมากน้อยแค่ไหนและส่วนแบ่งต่างๆนั้นได้รับเป็นแบบไหนซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่มีการออกข่าวสารในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน

รัฐบาลเตรียมร่างนโยบายไม่เก็บภาษีสถานอาบอบนวดและผับ

รัฐบาลเตรียมร่างนโยบายไม่เก็บภาษีสถานอาบอบนวดและผับแต่มีเงื่อนไขห้ามเลิกจ้างพนักงาน

        เมื่อวันที่ 9 เดือนมิถุนายนปีพศ2563 จากการที่คณะรัฐบาลนั้นได้มีการร่วมประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บภาษีสรรพสามิตโดยหวังว่าจะนำยอดเงินดังกล่าวนั้นมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศหลังจากที่ประเทศไทยนั้นได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรน่าซึ่งในรายละเอียดของการประชุมปรึกษาหารือกันนั้นได้มีการพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บภาษีของสถานบริการต่างๆ

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผับ   ธุรกิจเธค  ธุรกิจอาบอบนวดหรือพวกสนามกอล์ฟสนามม้าต่างๆเดินเล่นเห็นว่าธุรกิจเหล่านี้ยังคงได้รับผลกระทบอยู่ซึ่งจึงจำเป็นที่จะต้องมีการงดเว้นการเรียกเก็บภาษีธุรกิจออกไปก่อนโดยจะเริ่มให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 เดือนกันยายนปีพศ2563

สำหรับสาเหตุที่ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีสำหรับธุรกิจทั้งหมดที่กล่าวไว้เบื้องต้นนั้นก็เพราะว่าเราทราบกันอยู่แล้วว่าทุกวันนี้สถานประกอบการต่างๆไม่ว่าจะเป็นผับหรือ เธค  หรือแม้จะอาบอบนวดพวกเขายังไม่ได้เปิดกิจการเลยซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีการถูกระงับการเปิดบริการนานที่สุดดังนั้นบริษัทเหล่านี้

คือจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนามากที่สุด ดังนั้นทางรัฐบาลจึงเห็นว่าควรจะมีการธุรกิจควรจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไปก่อนไม่เก็บภาษีเพื่อเป็นการช่วยเหลือเจ้าของร้านและเป็นการแบ่งเบาภาระธุรกิจแต่อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลก็จะมีการพูดคุยกับทางเจ้าของร้านเกี่ยวกับข้อแม้ว่า

ถ้าหากมีการช่วยเหลือแล้วจะต้องมีการจ้างงานพนักงานทุกคนเอาไว้และไม่ให้ทุกคนตกงานอย่างไรก็ตามนอกจากที่จะมีการออกมาช่วยเหลือธุรกิจสถานบันเทิงแล้วทางรัฐบาลก็ยังมีการพูดคุยกันถึงเรื่องการปรับภาษีบุหรี่ซึ่งในตอนนี้ก็จะมีการเลื่อนการปรับราคาภาษีออกไปเช่นเดียวกันเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ

     เรียกว่าการประชุมในวันที่ 9 เดือนมิถุนายนที่ประชุมกันในนี้เป็นการประชุมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ยังไม่ถูกให้เปิดกิจการอย่างแท้จริงเป็นการเลื่อนเกี่ยวกับเรื่องของการเก็บภาษีซึ่งก็ถือว่าสามารถช่วยผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียวแต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาดูกันอีกทีนึงว่าหลังจากที่มีการประกาศเลื่อน

การเรียกเก็บภาษีออกไปแล้วและเมื่อมีการเปิดให้ผู้ประกอบการควบคุมสถานบันเทิงต่างๆกลับมาเปิดให้บริการได้ทางรัฐบาลจะมาเก็บภาษีทางผู้ประกอบการเหล่านี้อีกทีเมื่อไหร่  ขอเงินภาษีจากพวกสถานบันเทิงต่างๆเหล่านี้จะสร้างรายได้ให้กับทางรัฐบาลได้ค่อนข้างเยอะเพื่อนำไปดูแลประเทศชาติซึ่งถ้าหากมีการเว้นภาษีมากจนเกินไปก็อาจจะทำให้รายได้จากการเรียกเก็บภาษีเพื่อเอาไปบริหารประเทศนั้นลดน้อยลงก็เป็นได้

 

สนับสนุนโดย  sagame เอเชีย

สิ่งที่นักธุรกิจจะต้องทำคือการเสริมนวัฒกรรมในตัวสินค้า

วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องของการคิดนวัตกรรมหรือว่าการใส่นวัตกรรมเข้าไปในสินค้าหรือบริการของเรา ซึ่งสิ่งที่มันได้เกิดขึ้นมันจะทำให้ธุรกิจของเราได้มีความแตกต่างจากคู่แข็งเพราะว่าคำศัพท์ในทางการตลาดแล้วเราอาจจะเคยสังเกตว่าเวลาพูดถึงการตลาดมันจะมีคำว่าRace Ocean กับ Ocean  คำว่าRace Oceanคือธุรกิจ

ที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงสินค้าไม่มีความแตกต่างกันหรือเอาง่ายๆว่าถ้าเราอยากเข้าไปในตลาดเราจะต้องแข่งในสงครามราคาเท่านั้นคือ ลด แลก แจก แถม ซึ่งสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันก็เลยทำให้แต่ละคนที่อยู่ในตลาดจะต้องแข็งกันลดราคาต้องแข่งกันลดราคาลงมาสุดท้ายกำไรต่อหน่วยมันก็น้อยลง

พอกำไรน้อยลงมันก็จะไม่มีเวลาที่จะเอาไปวิจัยสิ่งต่างๆที่มันจะเกิดขึ้นมาใหม่ๆได้ส่วนคำว่าOcean ก็คือตลาดที่มีการแข่งขันกันไม่ได้สูงมาก หรือ อาจะเป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงแหละแต่ว่าเรามองหาโอกาศใหม่ๆมองหาช่องว่างๆอื่นๆของตลาดว่าเราจะออกแบบสินค้าใหม่ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมายังไงให่มันได้มีความแตกต่างไปจากคู่แข่งรายเดิมนี่คือสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมและหนึ่งในเคสตัวอย่างที่ดีนั้นในการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ

ก็คือเรื่องของแอปเปิ้ล คือ หลายคนเวลาที่พูดถึงคำว่านวัฒกรรมก็มักจะนึกถึงแอปเปิ้ลกันอยู่แล้วเพราะว่าแอปเปิ้ลได้มีทั้ง iphone คอมพิวเตอร์ สิ่งต่างๆที่ทุกวันนี้ที่เราได้มีใช้กันอยู่คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ก็ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากแอปเปิ้ลทั้งนั้นแต่

เคสที่เราจะมาเล่าให้ฟังนี้มันไม่ได้เป็นสิ่งที่มันล้ำขนาดถึงการคิดเปลี่ยนโทรศัพท์ที่จะเปลี่ยนโลกอะไรขนาดนั้นแต่สิ่งที่อยากจะเล่าให้ฟังวันนี้เป็นเคสของ สตีฟ จ็อบส์ ที่ใส่ใจกับลายละเอียดเล็กๆน้อยๆในการที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ถ้าคุณเคยใช้แมคบุ๊คหรือว่าโน๊ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ของแอปเปิ้ลมาก่อนในรุ่นก่อนหน้านี้ก็จะมีสิ่งที่เรียกว่าแม็คเซฟ ซึ่งแม็คเซฟก็คือตัวอแร็พเตอร์

ที่เสียบรับไฟล์และก็เสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ของเรา ซึ่งถ้าเราต่อมันเข้ามาสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นก็คือมันจะเป็นแม่เหล็กในการดูดของหัวสายชาร์จเข้ากับแมคบุ๊คแล้วก็เวลาที่มีใครมาเดินแตะสายไฟสายมันก็จะหลุมออกไปเลยเพราะว่ามันเป็นแค่แม่เหล็กมันก็จะทำให้โน๊ตบุ๊คของเราที่วางอยู่บนโต๊ะไม่ถูกลากลงไปด้วยซึ่งคำถามก็คือสิ่งเหล่านี้มันจึงดูเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆแต่นี่มันเป็นสิ่งที่  สตีฟ จ็อบส์  ได้ให้ความสำคัญ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

3 ขั้นตอนในการสร้าง แบรนด์ สำหรับมือใหม่ 

สำหรับหลายๆคนในยุคนี้คงอยากจะมีสินค้า หรือ มีแบรนด์เป็นของตนเอง แต่คุณหรือไม่หลังจากที่คุณได้สร้างสินค้าก็ดี หรือ แบรนด์ ขึ้นมาแล้วก็ดี มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ตลาดของคุณเท่านั้นเอง เพราะว่าคุณจะต้องคำนึงถึงว่าจะทำอย่างไรต่อเพื่อให้สินค้าหรือแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก

และมีชื่อเสียงมากพอ เพื่อที่จะได้สร้างกลุ่มลูกค้าและกำไรเข้าสู่สินค้าหรือ แบรนด์ของคุณได้  และยิ่งด้วยการแข่งขันในปัจจุบันของตลาดนั้นไม่ได้ง่ายเลย เพราะแบบนี้จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณต้องเข้าใจสินค้าหรือแบรนด์ของคุณให้ดีก่อนตัดสินใจผลิตหรือสร้างมันออกมาจริงๆ

คุณต้องวางแผนหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็น กลุ่มลูกค้าของคุณ แหล่งจำหน่าย การเงิน การขาย และ การตลาด ที่จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน แต่วันนี้เรามีวิธีการ 3 ขั้นตอนในการสร้างแบรนด์ หรือ สินค้า สำหรับมือใหม่มาฝากกัน

เข้าใจกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของคุณ – สิ่งที่จำเป็นสำหรับแบรนด์หรือสินค้าของคุณ นั้นก็คือใครคือลูกค้าของคุณ กลุ่มเป้าหมายที่คุณคิดว่าเค้าจะมาใช้ของคุณคือใคร  เพราะการที่คุณรู้ว่าลูกค้าคุณคือใคร มันจะทำให้

แบรนด์หรือสินค้าคุณดูชัดขึ้น และกลุ่มเป้าหมายหือลูกค้าของคุณเข้าจะสนใจในแบรนด์หรือสินค้าขึ้นมาเองก่อนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นก่อนจะสรุป Character หรือระบุตัวตนของแบรนด์หรือสินค้า คุณควรหาข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่แท้จริงของคุณก่อนนะ

จุดยืนของแบรนด์ หรือ Core Value ในสินค้า – การที่แบรนด์ของคุณมีจุดยืน หรือ สินค้าของคุณชัดเจนว่ามันคืออะไร มันจะทำให้กลุ่มเป้าหมายเชื่อถือแบรนด์หรือสินค้านั้นๆมากยิ่งขึ้น นั้นแปลว่าหากคุณสร้างแบรนด์หรือสินค้ามาว่า คุณคือใคร มีอะไร มีแนวทางอะไร มีอะไรมานำเสนอ และสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ลูกค้าหลงใหลคุณนั้นก็คือ การสื่อสารออกมาว่าของคุณดีอย่างไร ทำไมต้องหันมาใช้สินค้าแบรนด์คุณมากกว่าคู่แข่ง การที่คุณมีจุดยืนว่าตัวตนคุณคืออะไร จะทำให้คุณมีแกนในการยึดตัวเองและโดดเด่นออกมา

ทำในสิ่งที่เราถนัด หรือ จับจุดแข็งเราเอาไว้ – นั้นหมายถึงบางสถานการณ์อาจทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลง แต่ ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร อย่าลืมในสิ่งที่คุณถนัดและจุดแข็งของคุณ เพราะนั้นจะทำให้สินค้าหรือแบรนด์ของคุณแข็งแรงและยังคงทำให้มันอยู่ต่อไป การที่บางครั้งเราเห็นคนอื่นๆทำอะไร นั้นไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทำตามเค้า เพราะจุดแข็งแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากทุกคนมีจุดแข็งที่เหมือนกันขนาดนั้น การทำแบรนด์หรือสินค้าคงจะไม่ต่างกันเลย 

ดังนั้นมือใหม่สร้างสินค้าหรือแบรนด์ ควรจะยึดหลัก 3 ขั้นตอนนะ

 

สนับสนุนโดย  sagame

ผลิตน้ำตาลได้น้อยซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภค

ระวังสิ้นเดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2563 นี้โรงงานน้ำตาลอาจจะผลิตน้ำตาลได้น้อยซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภค

         กำลังเป็นเรื่องที่พูดถึงกันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องของวงการผลิตน้ำตาลและอ้อยเนื่องจากว่าในช่วงเวลาตั้งแต่ปีพศ2562 ยาวนานมาจนถึงปีพ.ศ 2563 และกำลังจะสิ้นสุดในเรื่องของระยะเวลาการตัดยอดในช่วงเดือนตุลาคมปีพศ. 2563 นี้ ผู้ประกอบการได้มีการประเมินออกมาว่ายอดผลผลิตของในปีนี้นั้นค่อนข้างน้อยลง

จากปีก่อนที่ผ่านมาซึ่งก่อนหน้านี้เคยมองว่ายอดการผลิตน่าจะเท่ากับในปีก่อนก่อนซึ่งแต่เดิมนั้นมีการผลิตต้นอ้อยเกินกว่า 100 ล้านตันแต่พอมาปีนี้นั้นยอดการผลิตอ้อยลดลงมาเหลือแค่ 75 ล้านตันเท่านั้นซึ่งข้อมูลนี้เป็นข้อมูลของการผลิตอ้อยทั้งประเทศรวมกันแล้วจะเหลืออยู่แค่ประมาณ 131 ล้านตัน

ซึ่งลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้อาจจะมีผลกระทบกับโรงงานผลิตน้ำตาลที่จะไม่มีวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตน้ำตาลและแต่จำหน่ายให้กับผู้ประกอบการซึ่งจะส่งผลกระทบให้ร้านค้าที่รับซื้อน้ำตาลไม่มีน้ำตาลเอาไปขายให้กับประชาชนและถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้จริงๆจะทำให้น้ำตาลมีราคาสูงขึ้นสำหรับในช่วงนี้มีการคาดการณ์กันว่าเริ่มที่จะมีการกว้านซื้อน้ำตาลจากโรงงานผลิตน้ำตาลกันบ้างแล้ว

เนื่องจากผู้ประกอบการเองก็หวังว่าทางร้านจะไม่มีน้ำตาลออกไปขายให้กับลูกค้าได้ดังนั้นตอนนี้น้ำตาลจึงถือได้ว่าเริ่มมีการขาดตลาด สาเหตุที่ทำให้ยอดการผลิตอ้อยนั้นลดลงจากปีก่อนที่ผ่านมานั้นเนื่องจากว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ไม่มีเงินไปทำการลงทุนอีกทั้งในเรื่องของปีนี้นั้นมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของอากาศที่แห้งแล้งส่งผลให้ชาวไร่อ้อยไม่ค่อยอยากที่จะทำการปลูกอ้อยกันมากนัก

ส่วนใหญ่จึงหันไปปลูกพืชผักอย่างอื่นแทนเพราะต้องการที่จะได้ราคาดีๆที่สำคัญจะไปหายืมเงินจากแหล่งเงินทุนที่ไหนมาลงทุนในการปลูกอ้อยก็ทำไม่ได้ทำให้เกษตรกรไร่อ้อยนั้นต่างก็พากันเลิกปลูกอ้อยและหันไปปลูกพืชผักอย่างอื่นแทนและยังมีปัญหาในเรื่องของการขายอ้อยแล้วไม่ได้ราคาทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยก็ไม่อยากที่จะมาปลูกอ้อยเพราะทำไปแล้วก็ไม่ได้ผลตอบแทนไม่ได้กำไรมากนักแล้ว

ถ้าหายยังคงปล่อยให้เป็นสถานการณ์แบบนี้ต่อไปเชื่อว่าน้ำตาลจะขาดแคลนและราคาน้ำตาลก็จะสูงขึ้นส่งผลให้อาหารอื่นๆก็จะสูงขึ้นตามไปด้วยเพราะทุกครั้งที่เราขาดแคลนน้ำตาลหรือเราปล่อยให้ราคาน้ำตาลสูงเกินไปเมื่อไหร่ค่าครองชีพอื่นก็จะส่งตามไปด้วย

ดังนั้นตอนนี้จะต้องหาวิธีการรับมือเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาน้ำตาลที่อาจจะขาดแคลนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ซึ่งปัญหานี้ต้องเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้ใกล้ไปกว่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นเข้าไปอีก

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุน  ติดต่อ bk8

เกล็คความรู้แนวคิดทำอาชีพเสริม

วันนี้เราจะมาคุยในเรื่องของ อาชีพที่สอง ที่จริงเราอยากจะบอกว่าคนเราสมัยนี้จะหันตัวมาทำอาชีพที่สองกันเยอะมากซึ่งมันก็ถือว่ามันได้เป็นซึ่งที่ดีและก็ยังเชื่อว่าใครหลายๆคนถ้ายังไม่ได้ทำหรือกำลังหาลู่ทางกันอยู่ว่าจะทำยังไง

ซึ่งจริงๆแล้วเราได้เปิดบริษัทแห่งที่สองจากช่วงแรกมันได้เป็นงานอดิเรกและทุกวันนี้ก็ได้หันมาทำแบบจริงจังตั้งบริษัทตั้งทีมงานซึ่งพอมันได้มาเป็นบริษัทมันก็อาจจะมีความเครียดมาขึ้นซึ่งเราจะมาทำเล่นๆไม่ทำบ้างไม่ทำบ้างซึ่งมันจะมีลูกค้ามีทีมงานรวมไปถึงค่าใช้จ่างซึ่งเราก็จะต้องมานั่งคิดในส่วนตรงนี้กันมาขึ้น

แต่เราก็คือว่ามันเป็นเรื่องที่มันสนุกดีว่าเรานั้นจะทำงานที่หนึ่งที่สองได้อย่างไรวันนี้จะนำเอาประสบการณ์ส่วนตัวมาบอกหากผิดพลาดประการใดก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ต้องเล่าแบบนี้กันก่อนเลยว่ามันได้มีหนังสือเล่มหนึ่งที่เรานั้นจะต้องขอบคุณเป็นพิเศษ

ซึ่งมันก็ได้เป็นหนังสือที่มันได้ทำให้ผลนั้นได้คิดในเรื่องนี้แล้วก็ได้นำเอามาทำซึ่งมันได้เป็นเรื่องที่ปรับในเรื่องของการมีอาชีพที่สองซึ่งเราก็ได้เอาบางอย่างที่มันได้อยู่ในหนังสือเอามาใช้และเราก็ได้เขียนสรุปมาซึ่งในปริบทในหนังสือบางอย่างมันก็มีความตะวันตกอยู่นิดหนนึ่งมันก็อาจจะเป็นการยากหน่อยทีนี่เราก็จะแช่ไอเดียให้ฟังการทำรายได้ทางทีสองหรืออาชีพที่สองมันมีอะไรที่จะต้องคิดบ้าง

ซึ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยคืองานที่สองของเรานั้นมันจะต้องไม่ส่งผลไปกระทบกับงานแรกซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญมากเพราะว่าหากได้มีการกระทบกันเมื่อไรก็จะเลอะไปทั้งหมดสมมุติว่าเราทำงานประจำและเราได้เอางานข้างนอกเอาเข้ามาทำในเวลางานประจำมันจะเลอะกันไปหมดซึ่งมันก็จะไม่ดีกับที่ทำงานเราด้วยเพราะฉะนั้นงานที่สองมันเป็นงานที่เราจะต้องทำในนอกเวลางานตอนเย็นเสาร์อาทิตย์หรืออะไรก็แล้วแต่

ที่เรานั้นสามารถที่จะจัดสรรค์เวลาของเราได้หากเรานั้นได้วางแผนกันดีๆงานที่สองในช่วงแรกๆมันควรจะต้องไม่กินเวลาเยอะและไม่กินพลังงานเยอะหรือไม่กินเงินเยอะจริงๆแล้วถ้าไม้กินทั้งสามอย่างเลยมันจะดีมากเพราะในตอนแรกมันจะต้องดีที่สุดเพราะฉะนั้นลักษณะที่สองมันจะมีอะไรบ้างซึ่งเราอยากจะบอกว่าในรูปแบบนี้มันจะมีรูปแบบที่มันไม่ตายตัวก็คนส่วนใหญ่ก็อย่างก็ได้บอกไปว่ามันจะเป็นงานโปรเจ็คเล็กๆซึ่งเราจะใช้เวลาว่างในช่วงเสาร์อาทิตย์ในตอนเย็นอะไรพวกนี้ในการทำ

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8

ประกันสังคมอาจจะมีการปรับการจ่ายเงินเพิ่มจาก12.5 %

ประกันสังคมอาจจะมีการปรับการจ่ายเงินเพิ่มจาก 12.5 % ให้เป็น 28.5 % สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 

       หม่อมเต่า ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีการเกริ่นมาแล้วเรื่องการปรับโครงสร้างของผู้ประกันตนมาตรา 33  ที่มีการส่งกองทุนประกันสังคม โดยมีแนวโน้มว่าจะต้องมีการให้ประชาชนส่งประกันสังคมเพิ่มจากเดิมที่มีการเรียกเก็บเงิน 12.5 % แต่เนื่องจากตอนนี้ทางกองทุนประกันสังคมขาดสภาพคล่อง

และที่ผ่านมามานานกว่า 30 ปีทางประกันสังคมเองก็ไม่เคยให้ประชาชนจ่ายเงินเพิ่มมาก่อนเลย ดังนั้น ครั้งนี้เพื่อทำให้กองทุนมีความเสถียรภาพจังอาจจะต้องมีการเรียกเก็บเงินให้จ่ายประกันสังคมเพิ่มมาเป็น 28.5 %

       เกี่ยวกับเรื่องของการปรับโครงสร้างการจ่ายเงินสบทบประกันสังคมนั้นมี แหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือได้ ได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวเมื่อวันที่ 14 เดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2563  ว่ามีสัญญาณมาจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานอยากจะเรียกเก็บเงินค่าประกันสังคม ของมาตรา 33 เพิ่มจากเดิมที่เคยจ่าย 12.5 % ให้จ่ายเป็น 28.5 % ทั้งนี้

เพราะประเทศอื่นอื่นมีการจ่ายประกันสังคมกันถึง 30.5 % ในขณะที่ประเทศไทยยังจ่ายเพียงแค่ 12.5 % เท่านั้นดังนั้นประเทศไทยควรจะมีการปรับปรุงโครงสร้างการนำเงินเข้ากองทุนประกันสังคมให้มากขึ้น เพื่อที่จะได้มีเงินทุนมาหมุนเวียนในระบบกองทุนประกันสังคมให้มีประสิทธิภาพ 

      ปัจจุบันมีคนตกงานเป็นจำนวนหลายแสนคน และมีคนแจ้งว่ามีการว่างงานแล้วอีกหลายแสนคน ซึ่งมีการลงทะเบียนขอรับเงินชดเชยจากประกันสังคมแล้ว มาเป็นเดือน แต่ทุกคนกลับ ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเลย ซึ่งในตอนแรกก็มีการพูดเอาหน้าว่าจะมีการช่วยเหลือเยียวยาคนที่จ่ายประกันสังคมสูงถึง 75 % ของเงินเดือนที่ส่งประกันสังคม แต่หลังจากที่ประชาชนรอแล้วรอเล่าไม่ได้เงินกันสักที

ก็ออกมาแก้ข่าวว่าที่ได้เงินล่าช้าเพราะกำลังจัดการกันอยู่เพราะคอมพิวเตอร์ที่ประกันสังคมเก่ามากแล้ว การดาวน์โหลดข้อมูลเลยช้า แต่เมื่อผ่านมาอีกสัปดาห์ก็ออกมาบอกว่าเงินไม่พอที่จ่ายให้ทุกคนมากถึง 75 %แล้ว จะสามารถจ่ายเงินได้เพียงแค่ 50 % ตามปกติเท่านั้น

และนับตั้งแต่นั้นมาประชาชนที่ไปยื่นเรื่องการว่างงานไว้ก็ยังไม่เคยได้รับเงินประกันสังคมคืนมาเลย ตอนนี้กลับมามีข่าวจะมีการเรียกเก็บเงินประกันสังคมสมทบเพิ่มอีกแล้ว และไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มนิดหน่อยเท่านั้น แต่เพิ่มเป็นเท่าตัวเลยที่เดียว ชักสงสัยแล้วว่าประชาชนส่งประกันสังคมไปเพื่ออะไร

หากเพื่อเป็นการจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วละก็คนส่วนใหญ่ก็ทำประกันชีวิตกันเอาไว้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้เงินประกันชีวิตจ่ายกันทั้งนั้น และก็ยังไม่รู้เลยว่าที่มีการส่งประกันสังคมไปทุกเดือนนี้พออายุครบ 55 ปีแล้วจะได้เงินที่เคยส่งประกันสังคมคืนหรือไม่เลย เพราะแค่นี้งบการเงินของประกันสังคมก็มีปัญหาเสียแล้ว

 

สนับสนุนโดย  bk8 คาสิโน